54,618 total views, 3 views today
บัดนี้ได้เกิดผู้ที่รู้วิธีที่จะพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้าได้แล้ว ซึ่งคนอย่างอาจารย์นั้น อาจจะไม่ใช่ผู้ที่รู้มาก แต่สิ่งที่อาจารย์รู้เป็นสิ่งที่รู้จริงแน่นอน และการที่อาจารย์ได้พิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้าได้แล้ว โดยใช้เวลาพิสูจน์ 2 เดือนกับ 20 วัน จึงเป็นผลสำเร็จ ด้วยการถอดกายใน หรือ วิญญาณออกไปหลังความตาย และได้พิสูจน์หลายอย่าง …….
ขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติธรรม เพื่อพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้า
- ผู้ต้องการพิสูจน์จะต้องมีศีล 5 บริสุทธิ์
- จะต้องเข้ารูปฌาน 4 โดยนั่งสมาธิ
- จะต้องนั่งสมาธิ 2 ชั่วโมง ต่อครั้ง
- ในแต่ละครั้งที่นั่ง จะต้องดับทุกข์ให้ได้ ( อดทนต่อความเจ็บปวด ที่เกิดขึ้นในขณะที่นั่งสมาธิ )
- หากทุกข์ยังไม่ดับ จะต้องนั่งต่อไป ซึ่งถ้านั่งอย่างถูกวิธีแล้ว ทุกข์ควรจะต้องดับภายใน 3 ชั่วโมง เป็นอย่างมาก
- ใน 1 วัน จะต้องทำฌานสมาธิ 2 ครั้ง ในเวลา 9:00 – 11:00 น. และ 15:00 – 17:00 น.
- จะต้องใช้เวลาในการเก็บตัวทั้งหมด 90 วัน
ในความเป็นจริงแล้ว จิตสามารถแยกออกจากได้ แต่ที่เราไม่สามารถแยกได้ ก็เพราะว่าจิตของเราไม่ได้รับการฝึกฝน เพราะไม่มีผู้รู้มาสอนเรา จิตจึงไม่สามารถแยกออกจากกายได้ ในเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่จะต้องแยกออกจากกายแน่นอน ในเวลาที่ต้องตาย
ฉะนั้น จำเป็นต้องฝึกจิตของเรา ให้สามารถดับเวทนาให้ได้ และถ้าเราสามารถดับเวทนาได้แล้ว และทำได้หลายๆ ครั้ง และนั่นหมายถึงว่าจิตของเรา ได้รับการฝึกฝนจนสามารถดับทุกขเวทนาได้ เราก็จะมีโอกาสรู้ถึงความรู้สึกของพระพุทธเจ้า ที่สามารถจะดับทุกขเวทนาในขั้นที่ 1 ได้ ซึ่งขั้นของความทุกข์นั้น อาจจะมีทั้งหมด 100 ขั้น หรืออาจจะมากกว่านี้ก็ได้ เอาไว้ถ้าทุกท่านผ่านทุกข์ขั้นที่ 1 ได้ก่อน ก็จะเข้าใจด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
อย่าเพิ่งตกใจนะครับ เพราะที่เราจะพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น เราแค่ผ่านทุกข์ขั้นที่ 1 ได้ก็เพียงพอต่อการพิสูจน์ธรรมะแล้ว และเมื่อเราดับทุกขเวทนาได้หลายๆ ครั้ง ก็จะทำให้จิตกับกาย เกิดสภาวะที่หลวมๆ เพราะตัวเวทนาที่ทำให้จิตกับกายยึดกันอย่างแนบแน่นนั้น บางครั้งได้หายไป เรียกว่า เวทนาดับ และจุดนี้เองที่จะทำให้จิตแยกออกจากกายได้
จิตจะออกนอกร่างอย่างเดียว โดยกายกับเวทนายังอยู่ด้วยกัน
และเมื่อจิตออกไปนอกร่างอย่างนี้ เราจะมีความรู้สึกเหมือนเราได้ไปท่องเที่ยวข้างนอก ได้รู้ได้เห็นทุกอย่าง แต่เมื่อก้มมองตัวเอง กลับมองไม่เห็นตัวเอง สาเหตุเป็นเพราะว่าตัวเวทนานั้นยังติดอยู่กับกาย แต่ที่ออกมาได้คือจิตอย่างเดียว จึงทำได้เพียงรู้กับเห็นเท่านั้น และเมื่อไรที่อยากจะกลับร่าง ก็เพียงแค่นึกกลับเท่านั้น จิตก็จะเข้ามาในกาย จะต่อเชื่อมกับเวทนาและกายทันที เราก็จะรู้สึกตัวและขยับแขนขาได้ตามปกติ
การถอดกายในนั้นเอง โดยที่จิตกับเวทนานั้นจะติดออกมาด้วยกัน
โดยจะทิ้งร่างไว้เท่านั้น ซึ่งความรู้สึกของกายในนั้นจะเหมือนกับตัวเราปกติทุกอย่าง เพราะสามารถจะมองเห็นตัวเอง เสื้อผ้า แหวน นาฬิกา ก็ติดมาด้วย แขน ขา มือไม้ ก็มีครบ ถ้าลองหยิกตัวเอง ก็จะรู้ทันทีว่าเจ็บเหมือนปกติ แต่ถ้าเรานึกว่า เหาะ ก็จะพุ่งขึ้นไปบนอากาศ เหมือนจรวด และถ้านึกจะไปไหน ก็จะไปที่นั่นด้วยความเร็วเท่ากับความนึกคิด ซึ่งจะรวดเร็ว และการถอดกายในนี้เอง ถือเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญในการพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้า เพราะกายในนั้น ถือว่าเป็นวิญญาณ และเมื่อออกมานอกร่างได้ จึงถือว่าเราสามารถที่จะพิสูจน์ชีวิตหลังความตายได้
ส่วนการที่จะเหาะออกไปนอกโลก จนถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือ จะเดินลงไปในนรกนั้น ก็ขึ้นอยู่กับ ……
( โปรดติดตามเนื้อหาได้ใน การบรรยายธรรมคอร์ส 1 เรื่อง “ ความสำเร็จที่มาจากการทำทาน และการรักษาศีล ที่ถูกต้อง ” ในวันที่ 5 มิถุนายน นี้ )
อยากฝึกเอาไว้ดูหวยครับ
สาธุครับ
ขออนุโมทนา สาธุ ครับ สาธุ สาธุ สาธุ
ผมอยากเรียนนั่งฌานกับอาจารย์มากๆครับ เมื่อไหร่อาจารย์จะเปิดสอนอีกครับ
น่าสนใจครับ แต่ต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างหนักมากแน่ครับ
ขออนุโมทนาสาธุครับ กำลังตามรอยผู้ปฏิบัติดี ทั้งหลายครับ
ผมเป็นกำลังใจให้อาจารย์มีบุญมากๆๆๆจะได้ช่วยสอนคนที่ยังไม่เข้าใจธรรมยังมีอีกมากครับ
ขอให้อาจารย์มีความสูขทั้งสุขภาพกายและกำลังใจเต็มไปด้วยความเมตตากับมนุษย์ตาดำๆที่เกิดมาต้องกับมาลงบ่อน้ำคำอีกและอีกจะมีใครที่จะช่วยนอกจากอาจารย์ที่จะช่วยมนุษย์ที่มีโอกาสบ้างบางคนนะครับผมเป็นกำลังใจมีโอกาสจะช่วยอาจารย์เต็มสุดแร
84,000 พระธรรมขันธ์ เป็นธรรมะแห่งพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบ และได้ชี้นำแนวทางแห่งการดับทุกข์ ทางแห่งการพ้นทุกข์ไว้ในมรรคมีองค์ 8 ประการ และโดยสรุปลงไปในแก่นแท้ของการปฏิบัติ 3 ประการ อันได้แก่ ประการที่หนึ่ง หมั่นประพฤติปฏิบัติตนให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีงามทั้งหลายทั้งปวงด้วยกาย วาจา ใจตามแต่ฐานะแห่งตน ในที่นี้ก็คือการรักษาศีล เช่น ปุถุชนคนธรรมดา รักษาศีล 5 หรืออุโบสถศีล คือ ศีล 8 สามเณรรักษาศีล 10 ส่วนพระภิกษุท่านก็รักษาศีล 227 ข้อนั่นเอง
ประการที่สอง พึงละเว้นจากการประพฤติตนทั้งกาย วาจา ใจที่จะไม่ล่วงละเมิดต่อคุณความดีตามที่เราปฏิบัติในประการแรกนั้น ด้วยการไม่กระทำบาปกรรมทั้งปวง
ประการที่สาม ฝึกฝนตนเองให้มีจิตใจผ่องแผ้ว ใสสะอาด สว่าง สงบ ด้วยการฝึกการทำสมาธิเพื่อชำระสิ่งที่ยังติดค้างในจิตตนเองนั้น ซึ่งถือว่าการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานหรือการนั่งฌาน เป็นการกระทำบุญที่สูงสุด ทำแบบฟรี ๆ ก็ได้บุญมากยิ่งกว่าใช้เงินทองที่เทียบกันไม่ได้ ใครละว่าของฟรีที่ดี ๆ ไม่มีในโลก
– ขอขอบพระคุณความรู้อันทรงคุณค่าและก่อให้เกิดประโยชน์มากมายมหาศาลจากอาจารย์ษิริพงศ์มากคะ-
ด้วยความเคารพ
ขอขอบพระคุณอาจารย์ที่ทำหน้าที่ตอบแทนบุญคุณพระพุทธเจ้ากลาบขอบพระคุณอย่างสุง
ขอให้อาจารย์มีความสูข รักอาจารย์
ขอขอบพระคุณอาจารย์ที่ทำหน้าที่ตอบแทนบุญคุณพระพุทธเจ้ากลาบขอบพระคุณอย่างสุง
ขออนุโมทนา สาธุ กับธรรมที่ได้อ่าน น่าศึกษายิ่งนัก
เมื่อมีชีวิตอยู่ รีบสร้างบุญกุศล กันนะครับทุกท่าน
พระคุณอาจารย์มากมายยิ่งนัก ที่ทำให้พบทางสว่างพ้นทุกข์ที่แท้จริง
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่หาศึกษาได้ยาก…หาคนรู้จริงได้ยาก…ขอขอบคุณท่านอาจารย์ษิริพงศ์ ที่ได้พิสูจน์คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้สำเร็จ…แล้วนำมาสอนให้กับผู้มีบุญทุกๆท่านครับ